นอกจากการติดตั้งถังดักไขมันแบบตั้งพื้น จะเป็นที่นิยมตามบ้านเรือนแล้ว สำหรับร้านอาหารที่มีการประกอบอาหารเป็นจำนวนมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีถังดักไขมัน แต่สำหรับร้านอาหารนั้น แนะนำให้ทำถังดักไขมันแบบฝังดินหรือขุด บ่อดักไขมัน แทนเพื่อรองรับน้ำมันที่ปนมากับน้ำทิ้งจำนวนมากนั่นเอง เรามารู้จักกับบ่อดักไขมันแบบฝังดินกันค่ะ
บ่อดักไขมัน แบบฝังดิน มีลักษณะอย่างไร?
ถังดักไขมัน เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับที่พักอาศัย แต่สำหรับร้านอาหารนั้น ถังดักไขมันที่ใช้ตามบ้านเรือนอาจจะไม่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับไขมันจำนวนมากที่มาจากการทำอาหาร การขุดดินเพื่อทำบ่อดักไขมันแบบฝังดิน จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบ่อดักไขมันแบบฝังดินนั้น จะมีความยุ่งยากกว่าถังดักไขมันแบบตั้งพื้นนิดหน่อย เพราะจะต้องขุดบ่อดักไขมันนอกตัวบ้าน โดยการทำบ่อดักไขมันแบบฝังดินนั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ บ่อดักไขมันแบบทำเอง และบ่อดักไขมันแบบคอนกรีต
บ่อดักไขมันทำเอง
การทำบ่อดักไขมันฝังดินเอง สามารถทำโดยใช้วงบ่อซีเมนต์หรือถังซีเมนต์ขัดหิน สามารถเลือกขนาดได้ตามต้องการและมีราคาถูกกว่าบ่อดักไขมันแบบสำเร็จรูป โดยมีขั้นตอนการติดตั้ง ดังนี้
- เลือกขนาดที่วงบ่อซีเมนต์ตามต้องการ
- ขุดหลุมฝังวงบ่อ โดยมีขนาดหลุม ความกว้างและความลึก มากกว่าขนาดวงบ่อถังดักไขมันนิดหน่อย
- เชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งเข้ากับวงบ่อ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ภายใน ได้แก่ ตะแกรงดักไขมัน, ช่องแยกไขมัน
- เชื่อมต่อท่อระบายน้ำทิ้งที่ผ่านการแยกไขมันออกเรียบร้อยแล้ว เข้ากับท่อระบายน้ำทิ้งสาธารณะ เป็นอันเสร็จ
บ่อดักไขมันแบบสำเร็จรูป
หากการทำบ่อดักไขมันเองเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ สามารถเลือกซื้อบ่อดักไขมันแบบสำเร็จรูป เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสำหรับการติดตั้งบ่อดักไขมันแบบฝังดิน โดยมีขั้นตอนการติดตั้ง ดังนี้
- เลือกซื้อบ่อดักไขมันสำเร็จรูปตามขนาดที่ต้องการ
- ขุดหลุมบ่อดักไขมันเพื่อฝังบ่อดักไขมันสำเร็จรูป โดยมีความกว้างและความลึกมากว่าขนาดบ่อนิดหน่อย
- ติดตั้งบ่อดักไขมันสำเร็จรูปเข้ากับท่อน้ำทิ้งจากภายในบ้าน
- เชื่อมต่อท่อระบายน้ำที่ผ่านการดักจับไขมันเข้ากับท่อระบายน้ำสาธารณะ เป็นอันเสร็จ
บ่อดักไขมันแบบฝังดิน มีส่วนประกอบอะไรบ้าง?
บ่อดักไขมัน มีส่วนประกอบภายในบ่อไม่ต่างจากถังดักไขมันแบบตั้งพื้น แต่มีความแตกต่างแค่รูปลักษณ์และการติดตั้งที่ต้องขุดดินเพื่อฝังบ่อดักไขมัน โดยส่วนประกอบของบ่อดักไขมันมีดังนี้
ตะแกรงดักเศษอาหาร
ตะแกรงดักเศษอาหาร ถือเป็นด่านแรกในการดักจับเศษอาหารจากท่อน้ำทิ้ง มีลักษณะเป็นตะแกรงที่มีรูขนาดเล็กทั่วแผ่น เพื่อแยกเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกต่างๆไว้และระบายน้ำลงสู่บ่อดักจับไขมันต่อไป
ช่องแยกไขมัน
เมื่อน้ำจากท่อน้ำทิ้งส่วนต่างๆภายในบ้านรวมกันที่ถังดักไขมันแล้ว น้ำกับไขมันจะทำการแยกส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน น้ำจะแยกตัวอยู่ด้านล่าง ส่วนไขมันจะลอยตัวอยู่เหนือน้ำ
ท่อระบายไขมัน
ท่อระบายไขมัน จะระบายไขมันที่ลอยตัวแยกออกมาจากน้ำ โดยจะถูกติดตั้งไว้ให้มีตำแหน่งสูงกว่าระดับท่อน้ำทิ้ง เพื่อให้ไขมันลอยตัวออกมาตามท่อระบายไขมันได้
ท่อระบายน้ำทิ้ง
ท่อระบายน้ำทิ้ง จะใช้ระบายน้ำที่ผ่านการแยกไขมันออกจากน้ำ แล้วลงสู่ท่อระบายน้ำทิ้งสาธารณะนอกตัวบ้านต่อไป
บ่อดักไขมันแบบง่าย ทำได้ด้วยตัวเอง
หากใครที่อยากลองทำบ่อดักไขมันด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปซื้อวงบ่อซีเมนต์ หรือบ่อดักไขมันสำเร็จรูป ก็สามารถหาวัสดุง่าย ๆ ใกล้ตัว ก็สามารถทำเองได้ โดยมีวัสดุและขั้นตอนดังนี้
อุปกรณ์ในการทำบ่อดักไขมัน
- ถังพลาสติก
- ตะกร้ากรองเศษอาหาร
- ข้อต่อชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ข้อต่อเกลียวนอก ข้อต่อเกลียวใน ข้อแยกสามทาง อย่างละ 2 ชิ้น
- ลูกยางกันซึม 2 ชิ้น
- ท่อพีวีซี
ขั้นตอนการทำบ่อดักไขมัน
- วัดระยะเพื่อเจาะช่องที่ถังพลาสติก
- ใส่ท่อน้ำเข้าเชื่อมต่อจาก อ่างล้างหน้า โดยวัดจากปากถังลงมาประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร
- เจาะช่องใส่ท่อน้ำออก ให้อยู่ต่ำกว่าท่อน้ำเข้า และสูงจากก้นถัง 10 – 15 เซนติเมตร
- ติดตะกร้าตรงปลายท่อน้ำเข้า เพื่อกรองเศษอาหาร ก่อนลงสู่บ่อดักไขมัน โดยต้องสามารถถอดออกได้ด้วย
- แนะนำว่าให้นำตะกร้าสำหรับดักเศษอาหารทิ้งทุกวัน เพื่อไม่ให้เศษอาหารบูดเน่า ตักไขมันในบ่อออกทุก 7-10 วัน และล้างถังทุก 4 -5 เดือน
หลายคนอาจคิดว่าบ่อดักไขมันแบบฝังดิน รวมไปถึงถังดักไขมัน อาจจะไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่หนัก แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยหรือร้านอาหาร ก็จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมีบ่อดักไขมัน ซึ่งสามารถเลือกบ่อดักไขมันแบบสำเร็จรูปได้ เพื่อความสะดวกในการติดตั้งและใช้งานต่อไปค่ะ