ขนมบัวลอยถือเป็นขนมไทยมาแต่โบราณ มีลักษณะแป้งกลมๆ หลากหลายสี อยู่ในน้ำกะทิหอมหวาน บางสูตรยังมีมะพร้าวอ่อนหรือไข่หวานผสมอยู่ด้วย ทั้งนี้ วิธีทำบัวลอยมีหลายสูตร ไม่ได้มีแค่บัวลอยไข่หวานที่ทุกคนคุ้นเคยกัน แต่ยังวิธีทำบัวลอยอีกหลายสูตรมาให้คุณได้ลองทำกินกัน ซึ่งเราได้รวบรวมวิธีทำบัวลอยสูตรต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ
วิธีทำบัวลอยใช้แป้งอะไร
วิธีทำบัวลอยไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าบัวลอยใช้แป้งอะไรในวิธีทำบัวลอย จะต้องใช้แป้งข้าวเหนียวในการทำขนมบัวลอย แต่บางสูตรใช้แป้งชนิดอื่นในวิธีทำบัวลอย เช่น แป้งข้าวจ้าว แป้งถั่วเขียว แป้งอเนกประสงค์ แป้งข้าวเหนียวผสมแป้งมัน หรือแป้งมัน สำหรับวิธีทำบัวลอยแก้ว เป็นต้น
วิธีทำบัวลอยสีต่าง ๆ ทำมาจากอะไร
วิธีทำบัวลอยในแต่ละสี จะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการแต่งสีให้บัวลอย มีสีสันสวยงามน่ากินมากขึ้น
- วิธีทำบัวลอยสีขาว ทำมาจาก เผือก
- วิธีทำบัวลอยสีม่วง ทำมาจาก มันม่วง
- วิธีทำบัวลอยสีเหลือง ทำมาจาก ฟักทอง
- วิธีทำบัวลอยสีฟ้า ทำมาจาก ดอกอัญชัน
- วิธีทำบัวลอยสีเขียว ทำมาจาก น้ำใบเตย
- วิธีทำบัวลอยสีชมพู ทำมาจาก น้ำกระเจี๊ยบ
วิธีนวดแป้งบัวลอยให้นุ่มอร่อย เคี้ยวเพลิน ทำอย่างไร
เคล็ดไม่ลับวิธีนวดแป้งบัวลอยให้นุ่มอร่อย เคี้ยวเพลิน ไม่แข็งกระด้าง เวลาปั้นแป้ง เนื้อแป้งจะต้องเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ เวลาปั้น จะได้ปั้นเป็นก้อนได้ง่าย หากแป้งแห้งให้เติมน้ำเปล่าทีละน้อย นวดจนแป้งนุ่ม
รวม 10 สูตร วิธีทำบัวลอย อร่อยหอมหวานทำเองง่าย ๆ ที่บ้าน
นอกจากวิธีทำบัวลอยสูตรดั้งเดิมอย่างบัวลอยไข่หวานที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีสูตรวิธีทำบัวลอย สูตรต่าง ๆ ที่เป็นสูตรประยุกต์ แถมยังอร่อยไม่แพ้บัวลอยดั้งเดิมอีกด้วย วันนี้เราได้รวบรวมวิธีบัวลอยสูตรต่าง ๆ ให้เลือกไปทำเองที่บ้าน ดังนี้
ขนมบัวลอยไข่หวาน
ส่วนผสมขนมบัวลอยไข่หวาน
- แป้งข้าวเหนียว ตรา บัวลอย 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า ¼ ถ้วย
- เผือกนึ่งสุก (สามารถใช้สีผสมอาหารสีม่วง)
- ฟักทองนึ่งสุก (สามารถใช้สีผสมอาหารเหลือง)
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น (สามารถใช้สีผสมอาหารสีเขียว)
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่
วิธีทำขนมบัวลอยไข่หวาน
แบ่งแป้งข้าวเหนียวออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 นวดผสมแป้งกับน้ำเปล่าและเผือกนึ่งสุก
ส่วนที่ 2 นวดแป้งกับน้ำเปล่าและฟักทองนึ่งสุก
ส่วนที่ 3 นวดแป้งกับน้ำใบเตย นวดผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำไปคลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ เตรียมไว้ก่อน
- เทน้ำกะทิลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ คนจนละลาย จากนั้นนำไปตั้งไฟพอเดือด แล้วรีบปิดไฟ พักไว้ก่อน
- ต้มน้ำเปล่าในหม้อจนเดือด นำบัวลอยที่ปั้นไว้ ลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมา จากนั้นตักบัวลอยขึ้นสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย ตักกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
- ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ
- นำไข่ใส่ลงในถ้วยบัวลอย เป็นอันเสร็จ
ขนมบัวลอยเผือก
ส่วนผสมตัวบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
- แป้งมัน 50 กรัม
- เผือกนึ่งสุก 250 กรัม
- หัวกะทิ 50 กรัม
- น้ำเย็นจัด
ส่วนผสมกะทิ
- หัวกะทิ ตราชาวเกาะ 1 ลิตร
- น้ำมะพร้าวหรือหางกะทิ 500 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ใบเตย
- น้ำตาลทราย 125 กรัม
- มะพร้าวอ่อนหั่นเส้น 200 กรัม
วิธีทำขนมบัวลอยเผือก
- นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และเผือกนึ่ง ผสมให้เข้ากัน
- จากนั้นเทหัวกะทิกับน้ำเย็นจัดลงในตัวแป้ง นวดจนแป้งเนื้อเนียน ไม่ติดมือ
- คลึงแป้งให้เป็นเส้นยาว คลุกแป้งนวลตัดเป็นชิ้น พักไว้
- ทำกะทิโดยใส่หัวกะทิ น้ำมะพร้าวหรือหางกะทิ เติมเกลือลงในหม้อ ใช้ไฟอ่อน คนจนเกลือละลาย พอร้อนช้อนหัวกะทิลอยหน้าออก 1 ถ้วย ใส่ใบเตยลงไป พอกะทิเริ่มเดือดใส่แป้งบัวลอย พอเดือดอีกครั้งใส่น้ำตาลทราย ใส่หัวกะทิที่ตักแยกไว้ ตามด้วยมะพร้าวอ่อน คนพอเข้ากัน
- ตักใส่ถ้วย เป็นอันเสร็จ
บัวลอยมันม่วงนมสด
ส่วนผสมบัวลอยมันม่วงนมสด
- มันม่วงญี่ปุ่นนึ่ง 3 หัวเล็ก
- แป้งข้าวเหนียว 160 กรัม
- แป้งมัน 30 กรัม
- นมสด 250 กรัม
- วิปปิ้งครีม 100 กรัม
- นมข้นหวาน 30 กรัม
- น้ำตาล 50 กรัม
- เกลือเล็กน้อย
วิธีทำบัวลอยมันม่วงนมสด
- เตรียมหม้อ เทนมสด วิปปิ้งครีม นมข้นหวาน น้ำตาล เกลือเล็กน้อย คน ให้เข้ากัน
- ตั้งไฟปานกลาง ต้มส่วนผสมข้อ 1 ให้พอร้อน ไม่ต้องรอเดือด จากนั้น ยกลงพักไว้
- นำมันม่วงนึ่งสุก เติมน้ำตาล 1 ช้อนชา บดให้เข้ากัน พักไว้
- เตรียมในส่วนแป้ง นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งมันผสมกัน ค่อย ๆ เติมน้ำ และนวดแป้ง จนเหนียว นุ่ม ไม่ติดชาม ตามด้วยมันม่วงที่เตรียมไว้ นวดจนเข้ากัน
- ปั้นแป้งเป็นเม็ด หรือทรงอื่นตามชอบ
- ตั้งน้ำให้เดือด ใส่แป้งที่ปั้นไว้ลงไป รอจนบัวลอยแล้วจึงตักขึ้น
- นำบัวลอยตักใส่ชาม ตามด้วยน้ำบัวลอยจากข้อ 2 เป็นอันเสร็จ
บัวลอยสาคูฟักทอง
ส่วนผสมบัวลอยสาคูฟักทอง
- เม็ดสาคู ตราปลาไทย 5 ดาว 150 กรัม
- แป้งมัน 20 กรัม
- ฟักทองหั่นชิ้นพอคำ 500 กรัม
- กะทิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- ใบเตย 3 ใบ
วิธีทำบัวลอยสาคูฟักทอง
- ต้มน้ำเปล่าจนเดือด จากนั้นเทเม็ดสาคูใส่ชาม ตามด้วยน้ำเปล่าเดือดที่เตรียมไว้ แต่เทน้ำสลับกับการนวดเม็ดสาคู
- จากนั้นเทแป้งมันตามลงไป นวดแป้งกับสาคูเข้าด้วยกัน และปั้นเม็ดกลม พักไว้
- ตั้งหม้อให้น้ำเดือด ใส่เม็ดสาคูที่เตรียมไว้ลงไป เมื่อเม็ดสาคูลอยขึ้นมา ให้ต้มต่ออีก 2-3 นาที ตักขึ้นมาพักแล้วใส่น้ำกะทิเพื่อไม่ให้สาคูติดกัน
- ตั้งเตาไฟปานกลาง ใส่กะทิ น้ำเปล่า ใบเตย ต้มจนเดือด ตามด้วยใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น จากนั้นใส่เม็ดสาคู และฟักทองตามลงไป
- เมื่อเข้าที่แล้ว ตักใส่ถ้วยเป็นอันเสร็จ
บัวลอยน้ำขิงไส้งาดำ
ส่วนผสมแป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า ½ ถ้วย
ส่วนผสม ไส้งาดำ
- น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
- งาดำป่น 1 ถ้วย
- เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
- ส่วนผสมน้ำขิง
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- ขิงแก่เผาไฟ 3 – 4 ชิ้น
- น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
- เกลือ ½ ช้อนชา
วิธีทำบัวลอยงาดำน้ำขิง
- เตรียมไส้งาดำ เทงาดำป่นลงในอ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย เนยถั่ว ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นลูกกลม ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้
- เตรียมแป้งทำบัวลอย นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งถั่วเขียว ใส่ลงในอ่างผสม เทน้ำเปล่าตามลงไป นวดแป้งให้เข้ากัน
- นำแป้งบัวลอยห่อไส้งาดำให้มิด คลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ พักไว้
- เตรียมน้ำขิง โดยการเผาขิงแล้วฝานเป็นแผ่น ต้มในน้ำเดือด เทน้ำตาลตามลงไป รอจนเดือด
- ใส่บัวลอยตามลงไป รอจนบัวลอย ลอยขึ้นมา ตักใส่ถ้วยเป็นอันเสร็จ หรือจะกินพร้อมกับปาท่องโก๋กรอบก็อร่อยขึ้น
วิธีทำบัวลอยงาดำน้ำเต้าหู้
ส่วนผสมบัวลอยงาดำน้ำเต้าหู้
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- ครีมงาดำรสธรรมชาติ 7 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำเต้าหู้ สูตรหวานน้อย 1 ลิตร
- งาดำโรยหน้า
วิธีทำบัวลอยงาดำน้ำเต้าหู้
- เทแป้งข้าวเหนียวลงในชามผสม ตามด้วยแป้งมันสำปะหลัง ครีมงาดำรสธรรมชาติ
- จากนั้นใช้มือนวดแป้งและมันบดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว แล้วใส่น้ำเปล่าลงไปนวดให้แป้งติดกันและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้น พักแป้งไว้ก่อน
- ตั้งน้ำให้เดือดจากนั้นใส่บัวลอยงาดำที่ปั้นเอาไว้ลงไป เมื่อบัวลอยลอยตัวขึ้นบนน้ำ ใช้ตะแกรงช้อนบัวลอยขึ้นจากน้ำเดือด
- ใส่น้ำเต้าหู้ลงในหม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่บัวลอยงาดำลงในน้ำเต้าหู้ เมื่อน้ำเต้าหู้เริ่มร้อนให้ยกลงจากเตา
- ตักบัวลอยงาดำใส่ในถ้วย โรยหน้างาดำ เป็นอันเสร็จ
บัวลอยดอกไม้
ส่วนผสมบัวลอยดอกไม้
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- มันม่วงสุกหั่นชิ้น 50 กรัม
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- ฟักทองสุกหั่นชิ้น 50 กรัม
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
- กะทิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลโตนด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ใบเตย 2 ใบ
วิธีทำบัวลอยดอกไม้
- เทแป้งข้าวเหนียวลงในชามผสม ตามด้วยแป้งมันสำปะหลัง และมันม่วงสุก จากนั้นใช้มือนวดแป้งบัวลอยและมันบดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ใส่น้ำเปล่าลงไปนวดให้แป้งติดกันและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้น เมื่อแป้งได้ที่แล้วพักไว้
- นำบัวลอยมันม่วงและบัวลอยฟักทองมาปั้นเป็นก้อนกลม ให้ขนาดของบัวลอยฟักทองมีขนาดใหญ่ สำหรับทำเกสรดอกไม้ มีขนาดใหญ่กว่าบัวลอยมันม่วงทำเป็นกลีบดอกไม้ 5 อัน ประกอบกันเป็นดอกไม้
- ตั้งน้ำให้เดือดจากนั้นใส่บัวลอยที่เตรียมไว้ลงไป
- เมื่อบัวลอยลอยตัวขึ้นบนน้ำให้ใช้ตะแกรงช้อนบัวลอยขึ้นจากน้ำเดือด
- นำน้ำกะทิขึ้นตั้งไฟ เมื่อเริ่มร้อนแล้วให้ใส่น้ำตาลโตนด น้ำตาลทราย เกลือ และใบเตยลงไป คนให้เข้ากันจนน้ำกะทิร้อน ยกลงจากเตา
- ตักบัวลอยดอกไม้ขึ้นจากน้ำเชื่อมแล้วใส่ลงในถ้วย จากนั้นราดกะทิลงไปในบัวลอย
บัวลอยญวน
ส่วนผสมแป้งบัวลอยญวน
- แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
- หัวกะทิ 35 มิลลิลิตร
- น้ำใบเตย 15 มิลลิลิตร
- น้ำกระเจี๊ยบ 15 มิลลิลิตร
ส่วนผสมไส้บัวลอยญวน
- ไร่ทิพย์ ถั่วเขียวซีกปอกเปลือก 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 55 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
- รากผักชี 5 ราก
- กระเทียม 4 กลีบ
- น้ำมันพืช สำหรับผัด
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาล ¾ ถ้วยตวง
- เกลือ ¼ ช้อนชา
วิธีทำบัวลอยญวน
- เริ่มทำไส้ แช่ถั่วเขียวซีกปอกเปลือกทิ้งไว้ล่วงหน้า 1 คืน สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วไปนึ่งโดยรองด้วยผ้าขาวบางประมาณ 20 นาที ปั่นถั่วให้ละเอียด พักไว้
- นำรากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกรวมกัน ผัดในกระทะ ใส่ถั่วที่บดแล้วและน้ำตาลทรายลงไป ผัดจนส่วนผสมจับตัวกัน พักให้เย็น และปั้นเป็นก้อน ๆ ขนาด 1 นิ้ว พักไว้
- นำแป้งข้าวเหนียว หัวกะทิ น้ำ ผสมนวดให้เข้ากัน และแบ่งแป้ง 2 ส่วน ส่วนแรกใส่น้ำใบเตย ส่วนที่สองใส่น้ำกระเจี๊ยบ และปั้นขนาด 1 ½ นิ้ว แผ่แป้งเป็นวงกลม ห่อไส้ให้มิดชิด ปั้นให้กลม รอต้ม
- นำบัวลอย ไปต้มในน้ำเดือด จนสุก แช่ในน้ำเปล่า
- ตั้งหม้อใส่หัวกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาล เกลือ ใบเตย เปิดไฟอ่อนคนให้น้ำตาลละลายพออุ่น
- ตักบัวลอยที่ต้มสุกแล้ว ลงใส่ถ้วย ตามด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเสร็จ
บัวลอยไส้ไข่เค็มทรงเครื่อง
ส่วนผสมบัวลอยไส้ไข่เค็มทรงเครื่อง
- แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วย
- ฟักทองนึ่ง 1 ถ้วย
- น้ำใบเตย 3/4 ถ้วย
- ไข่แดงเค็ม ตรา ซีพี 10 ฟอง
- กะทิ 1 1/2 ถ้วย
- หางกะทิ 3/4 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย
- ใบเตย 4 ใบ
- เนื้อมะพร้าวอ่อน เมล็ดข้าวโพดนึ่ง และเผือกนึ่งสุกตามชอบ
วิธีทำบัวลอยไส้ไข่เค็มทรงเครื่อง
- แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดกับฟักทองนึ่ง ส่วนที่ 2 นวดกับน้ำใบเตย ส่วนที่ 3 นวดกับหางกะทิ
- หั่นไข่แดงเค็มเป็นชิ้นเล็ก 1 ฟอง 16 ชิ้น ใช้ประมาณ 5 ฟอง พักไว้
- นำแป้งบัวลอยแต่ละสีมาห่อไข่เค็มให้เป็นลูกกลมจนแป้งหมด
- ตั้งหม้อน้ำให้เดือด ใส่บัวลอยที่ปั้นแล้วลงต้มให้สุก พักไว้
- ตั้งหม้อใส่น้ำ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และใบเตย ต้มให้น้ำตาลละลายและมีกลิ่นหอม
- ใส่กะทิคนให้เข้ากัน พอร้อนแล้ว ใส่แป้งบัวลอยต้มและไข่แดงเค็มอีก 5 ฟอง คนไว้สักครู่ พักไว้
- ตักบัวลอยใส่ถ้วยพร้อมน้ำกะทิและไข่แดงเค็ม ใส่เผือกนึ่ง เมล็ดข้าวโพด และเนื้อมะพร้าวอ่อน เป็นอันเสร็จ
บัวลอยแก้วอัญชัน
ส่วนผสมบัวลอยแก้วอัญชัน
- แป้งถั่วเขียว ตราต้นสน 1 ถ้วย
- แป้งข้าวเหนียว ¼ ถ้วย
- น้ำมะพร้าว ⅓ ถ้วย
- น้ำดอกอัญชันสีเข้ม ⅓ ถ้วย
- น้ำดอกอัญชันสีอ่อน ⅓ ถ้วย
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย ⅓ ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
- แปะก๊วย 1 ถ้วย
- เนื้อมะพร้าว 1 ถ้วย
- ใบเตย
วิธีทำบัวลอยแก้วอัญชัน
- เริ่มทำแป้งบัวลอย นำแป้งข้าวเหนียว และ แป้งถั่วเขียว ตราต้นสน ผสมกัน จากนั้นแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน
- นำแป้งแต่ละส่วนไปผสมน้ำมะพร้าว น้ำดอกอัญชันสีเข้ม และน้ำดอกอัญชันสีอ่อน นวดให้เข้ากัน
- นำบัวลอยแต่ละสีมานวดให้เป็นเส้นยาว ๆ ก่อนนำมีดมาตัดเป็นชิ้นให้ได้ความยาว 1 ซม. จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดจัด ตักออก พักไว้
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มแป้งบัวลอย เทกะทิลงไป ตามด้วยใบเตย น้ำตาลทราย และเกลือ เคี่ยวจนกะทิเดือด
- ใส่แปะก๊วย เนื้อมะพร้าวตามลงไป คนให้เข้ากัน ยกออกจากเตา
- ตักแป้งบัวลอยใส่ถ้วย และราดด้วยน้ำกะทิ เป็นอันเสร็จ
รวมหลากหลายสูตร วิธีทำบัวลอย ที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ หวังว่าคุณจะเลือกสูตรที่ถูกปาก และนำไปทำตามกันในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้กับครอบครัวกันนะคะ จะเลือกแบบสูตรดั้งเดิม หรือสูตรประยุกต์ รับรองว่าอร่อยแน่นอนค่ะ